วันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ระดับบัณฑิตศึกษา ประจำปีการศึกษา 2561

หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาลุ่มน้ำโขงศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ประจำปีการศึกษา 2561 ขึ้นในวันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2561 ณ ห้อง HS1-4-A4 อาคารรัตนพิทยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแนะนำรายละเอียดของหลักสูตร รวมทั้งคณาจารย์ประจำหลักสูตร และพบปะ พูดคุย เพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างนักศึกษาใหม่ คณาจารย์ และนักศึกษารุ่นพี่ สำหรับนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2561 นับได้ว่าเป็นรุ่นที่ 9 ของสาขาวิชาลุ่มน้ำโขงศึกษา มีนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศครั้งนี้ 3 ราย นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาชาวจีนซึ่งติดภารกิจจึงทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้

รายงานโดย ศิวกร ราชชมภู

กิจกรรมในช่วงแรกเป็นการปฐมนิเทศรวมของคณะในระหว่างเวลา 13.30-14.30 น. จากนั้นนักศึกษาใหม่จะแยกกลุ่มตามสาขาเข้าพบอาจารย์และรุ่นพี่ของแต่ละสาขา สำหรับสาขาลุ่มน้ำโขงศึกษา ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร. ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์ ประธานหลักสูตรลุ่มน้ำโขงศึกษา กล่าวต้อนรับ และแนะนำเกี่ยวกับรายละเอียดภายในหลักสูตรเบื้องต้น ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องวางแผนเตรียมการให้พร้อมสำหรับการศึกษาตลอดหลักสูตร

โอกาสเดียวกันนี้คณาจารย์ประจำหลักสูตรได้ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้หลายท่านด้วยกัน ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ธนนันท์ บุ่นวรรณา อาจารย์ ดร.เบญจวรรณ นาราสัจจ์ อาจารย์ ดร.เวียงคำ ชวนอุดม และอาจารย์ ดร.จิราธร ชาติศิริ โดยทั้งหมดได้กล่าวทักทาย และให้โอวาทกับนักศึกษาใหม่ เพื่อสร้างกำลังใจในการเรียนรู้จนสามารถจบการศึกษาตามกำหนดเวลาได้ นอกจากนี้ รุ่นพี่ทั้งที่เป็นนักศึกษาปัจจุบัน และจบการศึกษาแล้วก็ได้ให้โอกาสพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนในหลักสูตรเพื่อเป็นแนวทาง และสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนของนักศึกษาใหม่ต่อไป และปิดท้ายด้วยการแนะนำเรื่องการลงทะเบียนเรียนออนไลน์โดยนักศึกษารุ่นพี่

"สำหรับสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต  สาขาวิชาลุ่มน้ำโขงศึกษา  มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลิตมหาบัณฑิตให้มีความสามารถในการวิจัย  คิดวิเคราะห์สังเคราะห์อย่างเป็นระบบ  ตลอดจนเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นหลักสูตรเชิงประยุกต์ที่เน้นการวิจัยข้ามวัฒนธรรม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านชาติพันธุ์  ประวัติศาสตร์  ภาษาและวรรณกรรม  ปรัชญาและศาสนาในลุ่มน้ำโขง  เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนในลุ่มน้ำโขง"


























No comments:

Post a Comment